For The Planet

L’Oréal for the Future พันธสัญญาของลอรีอัลด้านความยั่งยืนในปี 2573

ภาวะโลกร้อนที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม ได้กลายมาเป็นภัยคุกคามซึ่งนำไปสู่ความเสื่อมสลายถาวรของแหล่งที่อยู่ของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตบนโลก การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล ธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงและมีภาวะเป็นกรดมากขึ้น รวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวน ต่างทวีความรุนแรง ด้วยสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ความเสี่ยงที่สูงขึ้นย่อมมาพร้อมกับพันธกิจที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นเช่นกัน

และนี่คือเหตุผลที่ลอรีอัลตัดสินใจเร่งเครื่องเพื่อผลักตัวเองให้ไปได้ไกลกว่าเดิมผ่านโปรแกรม "L’Oréal For The Future" พันธกิจของลอรีอัลด้านความยั่งยืนสำหรับปี 2030 คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่แสดงให้เห็นว่า วิสัยทัศน์ เป้าหมาย และความรับผิดชอบขององค์กรควรเป็นเช่นไร ในการต่อสู้กับความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ 

ดาวน์โหลดข้อมูลโครงการ L’Oréal for the Future 

การเปลี่ยนแปลงเป้าหมายเพื่อเคารพขีดจำกัดของโลก

ไม่เพียงพออีกต่อไปสำหรับบริษัทต่างๆ ที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยวัตถุประสงค์ที่ "กำหนดขึ้นเอง" ที่ลอรีอัล ความมุ่งมั่นของเราคือการทำให้แน่ใจว่ากิจกรรมของเราเคารพต่อสิ่งที่เรียกว่า “ขอบเขตของดาวเคราะห์” ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ดาวเคราะห์สามารถทนต่อได้ตามที่กำหนดโดยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเราด้วยการอนุรักษ์ดาวเคราะห์ที่มีทรัพยากรจำกัด เรากำลังยกระดับมาตรฐานและดำเนินโครงการการเปลี่ยนแปลงภายในใหม่ แตกต่างจากโปรแกรมแรก ความมุ่งมั่นใหม่ของเราจะไม่มุ่งเน้นที่ผลกระทบโดยตรงของเราเท่านั้น นอกจากนี้ยังจะจัดการกับผลกระทบทางอ้อมและขยายของเรา เช่น กิจกรรมของซัพพลายเออร์และการใช้ผลิตภัณฑ์ของเราโดยผู้บริโภค

ค้นพบ ความมุ่งมั่นของเราในปี 2573

เราได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้สำหรับปี 2030 ในเรื่องของสภาพภูมิอากาศ น้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องจากผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ และความต้องการของโลก

มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความท้าทายของโลก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความคาดหวังเกี่ยวกับบทบาทของบริษัทต่างๆ ที่ควรจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ที่ลอรีอัล เราต้องการที่จะมีความรับผิดชอบมากขึ้น ไปไกลกว่าแค่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจของเรา ด้วยโปรแกรมความยั่งยืนใหม่ของเรา เราต้องการแสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ เราจึงจัดสรรเงิน 100 ล้านยูโรเพื่อส่งผลต่อการลงทุนที่อุทิศให้กับการฟื้นฟูระบบนิเวศและการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน และ 50 ล้านยูโรให้กับกองทุนบริจาคเพื่อการกุศลเพื่อสนับสนุนสตรีที่เปราะบางสูง
 
การลงทุนเพื่อธรรมชาติ

เกี่ยวกับโครงการการทำงานเพื่อความยั่งยืนของลอรีอัล: เราไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์

ลอรีอัลตระหนักถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่แรกเริ่ม ในฐานะบริษัทอุตสาหกรรม การลดปริมาณผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญในการเริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเรา

  • ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ลอรีอัล กรุ๊ป ได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงาน และศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทได้ถึง 91% ซึ่งทำได้มากกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 60% ภายในปี 2563 ในขณะที่มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
  • ภายในปี 2565 สถานประกอบการ 110 แห่งของลอรีอัลมีความเป็นกลางทางคาร์บอน (หมายถึงมีการใช้พลังงานหมุนเวียน 100%) โดยในจำนวนนี้ เป็นโรงงาน 22 โรงงาน

ในปี 2556 ลอรีอัลตัดสินใจจัดการกับส่วนที่เป็นแก่นกลางของการดำเนินธุรกิจ คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ความงาม ผ่านโครงการเพื่อความยั่งยืน "การแบ่งปันความงามเพื่อทุกสรรพสิ่ง (Sharing Beauty With All)" พร้อมประกาศเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมสำหรับปี 2563 โดยมีนวัตกรรมเครื่องมือ "SPOT" (ย่อมาจาก Sustainable Product Optimization Tool) เป็นหลักสำคัญ ในการประเมินและพัฒนาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกแบรนด์ 'ความยั่งยืน' ยังได้เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงระหว่างการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ของลอรีอัลตั้งแต่แรกเริ่ม

  • ในปี 2565 นั้น 97% ของผลิตภัณฑ์ใหม่หรือผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่ ได้รับการปรับปรุงให้มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ดีขึ้น
  • ภายในปี 2563 ลอรีอัลได้ช่วยเหลือผู้คนจากชุมชนด้อยโอกาสถึง 100,905 คน ให้ได้รับโอกาสในการจ้างงาน ผ่านโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Solidarity Sourcing) และโครงการส่งเสริมความเท่าเทียมอื่น ๆ
  • ลอรีอัลเป็นบริษัทเดียวในโลก ที่ได้รับคะแนนระดับ "A" ในการจัดอันดับทั้งสามด้านของ CDP ได้แก่ การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการอนุรักษ์ป่าไม้ เป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน

เอกสารที่เกี่ยวข้องและแหล่งข้อมูลของโครงการ

Back on Top